ศาลฎีกาพิพากษาอดีตเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลานห้ามยุยงปลุกปั่นสร้างความวุ่นวายพร้อมทั้งให้ส่งมอบทรัพย์สินหากฝ่าฝืนมีสิทธิ์นอนคุก
29 พ.ย. 61 ความคืบหน้าความวุ่นวายและเหตุการณ์ไม่สงบที่เกิดขึ้นภายในวัดหิรัญญาราม หรือ วัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.บางคลาน อ.โพทะเล จ.พิจิตร มีมาต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 จนถึงทุกวันนี้ สาเหตุมาจาก พระครูวิสิฐสีลาภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสถูกร้องเรียนว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสมทางด้านความประพฤติและการบริหารการเงินของวัดจนถูกมหาเถรสมาคมและพระชั้นผู้ใหญ่ระดับปกครองของคณะสงฆ์ได้สั่งปลดอดีตเจ้าอาวาสเหลือแค่เพียงเป็นพระลูกวัด จากนั้นก็ได้แต่งตั้ง พระครูพิสุทธิวรากร ให้รักษาการเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม หรือ วัดหลวงพ่อเงินบางคลาน เพื่อเข้าตรวจสอบทรัพย์สินของวัด แต่ปรากฏว่าอดีตเจ้าอาวาสพร้อมทั้งลูกศิษย์และอดีตกรรมการวัดระดับแกนนำจำนวน 10 คน กลับไม่ยอมรับคำสั่งของมหาเถรสมาคมและพระชั้นผู้ใหญ่ระดับปกครองของคณะสงฆ์ ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังคงมีการรวมตัวขัดขวางไม่ให้รักษาการเจ้าอาวาสเข้าปฏิบัติหน้าที่หรือทำกิจของสงฆ์ภายในวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน อีกทั้งมีคดีฟ้องร้องที่ยังคาราคาซังอยู่ถึงวันนี้อีกนับ 10 คดี จนกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่ายและน่าเอือมระอาสำหรับผู้ที่จะเข้าไปทำบุญหรือกราบไหว้หลวงพ่อเงิน สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะผลประโยชน์และเงินบริจาคที่มีอยู่จำนวนนับ100 ล้านบาท ล่าสุดวันนี้ พ.อ.วีรวัฒน์ วิวัฒน์วานิช รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดพิจิตรได้เข้านมัสการและสอบถามถึงเรื่องความสงบเรียบร้อยของวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ซึ่ง พระครูพิสุทธิวรากร รักษาการเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม หรือ วัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ได้จำวัดอยู่ที่วัดหนองดง ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลท่าเสา อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร เนื่องจากช่วงหลังจากที่เกิดความวุ่นวายภายในวัดหลวงพ่อเงินบางคลานก็ปลีกตัวมาจำวัดอยู่ที่วัดแห่งนี้ ซึ่งได้แสดงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5558/2561 ลงวันที่ 27 สิงหาคม 2561 ที่ศาลจังหวัดพิจิตร อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2561 ในคดีแพ่งระหว่าง พระครูพิสุทธิวรากร รักษาการเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม หรือ วัดหลวงพ่อเงินบางคลานเป็นโจทก์, และมีฝ่ายจำเลยประกอบด้วย พระครูวิสิฐสีลาภรณ์ อดีตเจ้าอาวาส พร้อมทั้งลูกศิษย์และอดีตกรรมการวัดรวมแล้ว 10 คน ที่ล้วนเป็นฝ่ายต่อต้านและขัดขวางไม่ให้รักษาการเจ้าอาวาสเข้าตรวจสอบทรัพย์สินและปฏิบัติหน้าที่โดยได้มีการฟ้องร้องต่อศาลยุติธรรมจังหวัดพิจิตรและต่อสู้คดีกันจนมาสิ้นสุดที่ศาลฎีกา ซึ่ง นายกิจชัย บุญปู่ ทนายความ ที่ปรึกษากฎหมายของรักษาการเจ้าอาวาส วัดหิรัญญาราม หรือ วัดหลวงพ่อเงินบางคลาน เปิดเผยและอธิบายถึงคำพิพากษาศาลฎีกาในครั้งนี้ว่า...คดีข้อพิพาทระหว่าง พระครูพิสุทธิวรากร รักษาการเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม หรือ วัดหลวงพ่อเงินบางคลานเป็นโจทก์ และมีอดีตเจ้าอาวาสวัดหิรัญญารามและพวกรวม10คนเป็นจำเลย นั้น บัดนี้มีคำพิพากษาซึ่งศาลยุติธรรมจังหวัดพิจิตรได้อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาเมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2561 ที่รักษาการเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม หรือ วัดหลวงพ่อเงินบางคลาน เป็นโจทก์ฟ้องให้อดีตเจ้าอาวาสส่งมอบบัญชีรายรับ-รายจ่าย สมุดบัญชีธนาคารทุกฉบับและบัญชีจำหน่ายวัตถุมงคลพร้อมทั้งขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามอดีตเจ้าอาวาส , ไวยาวัจกร และคณะกรรมการวัดที่ถูกฟ้องในคดีนี้ ห้ามยุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของวัด ห้ามขัดขวางการดำเนินงานกิจการของวัด ห้ามเปิดตู้บริจาครวมถึงต้องส่งมอบบัญชีดังกล่าวตามหลักวิธีปฏิบัติ โจทก์ก็จะต้องแจ้งคำพิพากษาให้กับจำเลยได้ทราบ ซึ่งวันอ่านคำพิพากษาก็มีจำเลยหลายท่านเข้าร่วมรับฟังและทราบคำพิพากษาศาลฎีกาในครั้งนี้แล้ว ซึ่งต้องปฏิบัติตามคำพิพากษา หากไม่ปฏิบัติหรือขัดคำสั่งศาล ฝ่าฝืนรักษาการเจ้าอาวาสหรือทางวัดก็มีสิทธิ์ที่จะต้องรายงานให้ศาลทราบถึงพฤติกรรมของฝ่ายจำเลย ซึ่งถ้าฝ่าฝืนศาลก็มีสิทธิ์ใช้อำนาจเรียกตัวเพื่อไต่สวนหรือจับกุมบุคคลที่ไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลได้อีกด้วย ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า บรรยากาศภายในวัดหิรัญญาราม หรือ วัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ในขณะนี้ก็ยังมีกลุ่มบุคคลซึ่งมีรายชื่อเป็นจำเลยอยู่ในคดีนี้ก็ยังคงปักหลักกางเต็นท์ชุมนุมกันอยู่ที่ภายในบริเวณวัด ส่วนที่กุฏิของรักษาการเจ้าอาวาสก็ยังคงมีกุญแจถึง 3 ดอก ที่ฝ่ายอดีตเจ้าอาวาสและกลุ่มลุกศิษย์ที่ต่อต้านขัดขวางรักษาการเจ้าอาวาสเอากุญแจมาใส่ที่ประตูเพื่อขัดขวางไม่ให้รักษาการเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน เข้าปฏิบัติกิจของสงฆ์ ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ไม่เคารพต่อคำสั่งศาลฎีกาอย่างเห็นได้ชัด ก็คงต้องรอดูท่าทีของฝ่ายบ้านเมืองว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปเพื่อให้ วัดหิรัญญาราม หรือ วัดหลวงพ่อเงินบางคลาน กลับมาสงบร่วมเย็นเป็นที่พึ่งทางใจของชาวพุทธและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดพิจิตรต่อไปอีกด้วย