พิจิตรครูวอนเมตตาช่วยเด็กกตัญญูชีวิตลำบากสุดรำเค็ญกำพร้าแม่ต้องดูแลพ่อตาบอด
ครูพิจิตรเดินเยี่ยมบ้านลูกศิษย์พบเห็นภาพความลำบากยากเข็ญของเด็กนักเรียนเห็นแล้วสุดแสนสงสาร เมื่อได้รู้ว่าเด็กหญิงวัย 14 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.3 กำพร้าแม่มาตั้งแต่อายุ 2 ขวบ ต้องทำงานรับจ้างตัดอ้อย ดูแลพ่อที่เป็นผู้พิการตาบอดทั้ง 2 ข้าง วอนสังคมเมตตาช่วยเหลือ วันที่ 1 ส.ค. 2562 ดร.ผกาภรณ์ พลายสังข์ ผอ.สนง.เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิจิตรเขต 1 ( สพป.พิจิตรเขต 1 ) พร้อมด้วย นายธรรมเนียม เพ็ชรพงษ์ ผอ.ร.ร.บ้านสุขสำราญ , นายนฤเบศ ก้านดอกไม้ ครูประจำชั้น ลงพื้นที่ไปกับคณะครูของโรงเรียนบ้านสุขสำราญ ตำบลหนองโสน อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร ตามโครงการครูเดินเยี่ยมบ้านเด็กนักเรียน ซึ่งได้เดินทางไปที่บ้านของ เด็กหญิงชลธิชา ฉันทะวิไล “น้องส้ม” อายุ 14 ปี เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 อยู่บ้านเลขที่ 1/1 หมู่ 18 ตำบลหนองโสน อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร เมื่อไปถึงพบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านที่สร้างจากอิฐบล็อก สภาพภายในบ้านมีแค่เพียงเสื่อผืน หมอนใบ และได้พบกับ นายพิษณุ ฉันทะวิไล อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นพ่อของ “น้องส้ม” ที่ดวงตาทั้งสองข้างบอดสนิท จึงได้สอบถามพูดคุย “น้องส้ม” เล่าให้ฟังว่า แม่เสียชีวิตไปตั้งแต่ตอนที่ “น้องส้ม” อายุ 2 ขวบ เมื่อปี 2550 สาเหตุเนื่องจากแม่มีอาชีพรับจ้างทั่วไป แล้วมีคนว่าจ้างให้ไปตัดต้นไม้แล้วประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต จากนั้น นายพิษณุ ผู้เป็นพ่อที่ตาบอดก็เลี้ยงตนเองเรื่อยมาในครอบครัวอยู่กันสองชีวิต คือ “น้องส้ม” กับพ่อที่ตาบอด ซึ่งในช่วงก่อนปี 2550 นายพิษณุ มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ดวงตาเป็นต้อหินข้างซ้ายตาบอดสนิท จากนั้นดวงตาข้างขวาก็เป็นต้อหิน ทำให้หลังปี 2550 เป็นต้นมา ดวงตาทั้งสองข้างก็บอดสนิท มองเห็นได้เพียงแค่ลางๆ และทำอาชีพรับจ้างตัดอ้อยหาเงินเลี้ยงลูก ทั้งๆที่ตาบอด ซึ่งก็ได้ค่าแรงจากการตัดอ้อยมัดละ 5 บาท ส่วนน้องส้มเมื่อโตขึ้นมาตั้งแต่อยู่ชั้นประถม วันเสาร์-อาทิตย์ ก็ออกไปช่วยพ่อมัดอ้อยที่ตัดไว้ ซึ่งค่าแรงรวมแล้วสองคนพ่อลูกก็วันละร้อยกว่าบาท พอได้เป็นเงินพอซื้อข้าวสารกิน “น้องส้ม” วันไหนที่พ่อได้ค่าแรงจากการรับจ้างตัดอ้อย พ่อก็จะให้เงินไปกินขนมที่โรงเรียนแค่วันละ 10 บาท แต่ในช่วงนี้ฤดูฝนพ่อก็ไม่มีงานทำ จึงไม่ได้เงินค่าขนมแต่ก็ได้อาศัยไปกินข้าวและขนมที่โรงเรียนจัดเลี้ยงในมื้อกลางวัน “น้องส้ม” บอกต่ออีกว่า ในตอนเช้าจะไม่ได้กินข้าวที่บ้าน เนื่องจากต้องหุงข้าวไว้ให้พ่อกินคนเดียว ส่วนตนเองก็กินน้ำประทังความหิว รอไปกินข้าวกลางวันที่โรงเรียน ส่วนเสื้อผ้าทั้งบ้านมีแค่ 4-5 ชุดเท่านั้น ซึ่งชุดเก่งของ “น้องส้ม” ก็คือชุดพละของโรงเรียน “น้องส้ม” บอกว่าโตขึ้นอยากเป็นทหาร เหตุผลเพราะว่า การได้เป็นทหารจะทำให้ชีวิตเข้มแข็งเพื่อที่จะดูแลพ่อของตนเองได้ ถามต่ออีกว่าตอนนี้อยากได้อะไรบ้าง “น้องส้ม” บอกว่า ไม่ขออะไรนอกจากอยากให้พ่อได้รับการรักษาดวงตา อยากให้พ่อมองเห็น ขอเพียงแค่นี้ก็พอ ส่วน นายพิษณุ ผู้เป็นพ่อที่ตาบอด ก็บอกว่า อยากขอผู้มีจิตเมตตาขอทุนการศึกษาให้ “น้องส้ม” ได้เรียนต่อในชั้นมัธยมปลาย ขอเพียงแค่นี้ชีวิตของสองพ่อลูกก็มีความสุขแล้ว คณะครูที่ไปเดินเยี่ยมบ้านได้ฟังเรื่องราวสุดแสนรันทดและเห็นชีวิตความเป็นอยู่ของ “น้องส้ม” หนูน้อยผู้กตัญญูดูแลพ่อที่พิการตาบอดทั้ง 2 ข้าง มีรายได้ประจำจากเงินคนพิการเพียงแค่เดือนละ 800 บาท ต้องปากกัดตีนถีบรับจ้างตัดอ้อย ทั้งๆที่ตาบอดทั้ง 2 ข้าง แต่ก็มีลูกคือ “น้องส้ม” เป็นดวงตาให้ ซึ่งคณะครูที่เดินเยี่ยมบ้านถึงกับน้ำตาซึมที่เห็นชีวิตรันทดของสองพ่อลูกคู่นี้ จึงวอนขอสังคมเมตตาช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสครอบครัวนี้ด้วย สำหรับท่านใดที่มีจิตเมตตา สามารถโอนเงินบริจาคช่วยเหลือเพื่อเป็นทุนการศึกษาของ “น้องส้ม” ได้ที่ ชื่อบัญชีโรงเรียนบ้านสุขสำราญ และ ด.ญ.ชลธิชา ฉันทะวิไล ธนาคารออมสิน เลขบัญชี 020-292-110-929 หรือโทรสอบถามรายละเอียดได้ที่ นายพิษณุ พ่อของ “น้องส้ม” โทร 093-1947022 , นายนฤเบศ ก้านดอกไม้ ครูประจำชั้น โทร 088-2896998 , นายธรรมเนียม เพ็ชรพงษ์ ผอ.ร.ร.บ้านสุขสำราญ โทร 082-4002599
