ชาวนาเมืองชาละวันขายข้าวนานข้ามปีไม่ได้เงินส่อถูกโกงสภาเกษตรพาร้องทุกข์วอนอัยการสคช.พิจิตร ดำเนินคดี
เรื่องกลโกงชาวนาต้องยกให้เมืองพิจิตรเป็นต้นแบบฉาว เหตุล่าสุดชาวนา 19 ครอบครัว นำข้าวเปลือกไปขายท่าข้าวตั้งแต่เมื่อปีที่แล้วทวงถามบ่ายเบี่ยงผลัดวันประกันพรุ่ง ทั้งที่รับปากทำสัญญาต่อหน้า อัยการ สคช.พิจิตร นัดผ่อนจ่าย สุดท้ายก็เบี้ยว สภาเกษตรฯ ออกหน้าพาร้องทุกข์ขอให้ดำเนินคดี ฝากถามพาณิชย์จังหวัดพิจิตรมีมาตรการกำกับดูแลซื้อขายข้าวอย่างไร วันที่ 17 มีนาคม 2568 นายพงษ์พันธ์ ยอดจันทร์ อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดพิจิตร และ นาย ประเสริฐ ใจสนธิ์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สนง.อัยการคุ้มครองสิทธิ และช่วยเหลือทางกฎหมายฯ จังหวัดพิจิตร เปิดห้องรับเรื่องราวร้องทุกข์ ซึ่งมี นายธวัชชัย ทัดเที่ยง ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดพิจิตร ได้เป็นแกนนำพาชาวนาจำนวน 19 ราย ซึ่งทำนาอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอสากเหล็ก จังหวัดพิจิตร ที่ได้รับความเดือดร้อนจากเมื่อช่วง พ.ย.- ธ.ค. 67 ได้เกี่ยวข้าวแล้วนำข้าวเปลือกไปขายให้กับท่าข้าวซึ่งตั้งอยู่ที่ บ้านท่าคล้อ ต.ท่าเยี่ยม อ.สากเหล็ก ซึ่งผู้ซื้อก็ให้เพียงตั๋วชั่งน้ำหนักและใบรับซื้อข้าวถือไว้เป็นหลักฐาน วันเวลาผ่านไปชาวนาก็ไปทวงถามเงินค่าข้าว บางรายก็ได้รับเงินบางส่วน บางรายก็ไม่ได้เงินเลยไปทวงถามก็หลบหน้า โทรหาผู้ซื้อข้าวก็ไม่รับสาย กลุ่มชาวนาจับกลุ่มปรึกษาหารือกัน จนในที่สุดเมื่อวันที่ 9 ม.ค. 68 ได้รวมตัวไปร้องทุกข์ที่ สนง. อัยการ สคช.พิจิตร ซึ่งได้รับเรื่องและเมื่อวันที่ 7 ก.พ. 68 ก็ได้ออกหนังสือเรียกทั้งสองฝ่ายให้มาไกล่เกลี่ย โดยฝ่ายผู้ถูกร้องที่รับซื้อข้าวจากชาวนา 19 ราย ยอดเงินรวมประมาณ 2.7 ล้านบาทเศษ ได้ยินยอมและทำสัญญาต่อหน้า อัยการ สคช.พิจิตร โดยจะขอผ่อนจ่าย 4 งวด ซึ่งงวดแรกนัดวันที่ 15 มี.ค. 68 จะจ่ายเงินให้ 5 แสนบาท เพื่อไปเฉลี่ยใช้หนี้ชาวนาทั้ง 19 ราย ชาวนาตั้งตารอแต่สุดท้าย ก็ถูกเบี้ยว ไม่มี ไม่หนี ไม่ใช้ จึงทำให้วันนี้ (17 มี.ค. 68 ) นายธวัชชัย ทัดเที่ยง ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดพิจิตร จึงได้พาชาวนาทั้ง 19 ราย เข้าร้องทุกข์และขอรับคำปรึกษาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่ง นายพงษ์พันธ์ ยอดจันทร์ อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดพิจิตร และ นาย ประเสริฐ ใจสนธิ์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สนง.อัยการคุ้มครองสิทธิ และช่วยเหลือทางกฎหมายฯ จังหวัดพิจิตร ได้ให้คำแนะนำและข้อสรุปว่าให้แจ้งความคดีอาญา โดยจะประสานสภาทนายความจังหวัดพิจิตรให้ช่วยเป็นพี่เลี้ยงด้านกฎหมายและดำเนินการ