พิจิตรเปิดปมเงิน 100 ล้านเงินบริจาคและจำหน่ายวัตถุมงคลวัดหลวงพ่อเงินบางคลานคาดยังมีอีกเพียบที่ต้องตรวจสอบให้กระจ่าง
วันที่ 27 ก.ย. 2561 ความคืบหน้าของความวุ่นวายที่เกิดขึ้นที่วัดหิรัญญารามหรือวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลบางคลาน อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตรที่มีสาเหตุสืบเนื่องมาจากมหาเถรสมาคม หรือพระผู้ใหญ่ระดับผู้บริหารได้มีคำสั่งปลด พระครูวิสิฐสีลาภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม ให้พ้นจากตำแหน่งเจ้าอาวาส ด้วยมูลเหตุหลายเรื่อง จากนั้นก็ได้แต่งตั้ง พระครูพิสุทธิวรากร ให้มาดำรงตำแหน่งรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม หรือวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน แต่เรื่องไม่ได้จบง่ายๆเช่นนั้น ทั้งนี้สืบเนื่องจากฝ่ายอดีตเจ้าอาวาสและคนใกล้ชิดไม่ยอมส่งมอบทรัพย์สินและส่งมอบอำนาจหน้าที่ให้กับรักษาการเจ้าอาวาสจนกลายเป็นคดีความฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาลกันหลายสิบคดี อีกทั้งมีการปลุกระดมจัดหามวลชนมาต่อต้านจนกลายเป็นข่าวดังไปทั่วประเทศ ล่าสุดวันนี้ นายกิจชัย บุญปู่ ทนายความ ซึ่งเป็นที่ปรึกษากฎหมายของ พระครูพิสุทธิวรากร รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม ได้เปิดแถลงข่าวและให้ข้อมูลถึงการติดตามรวบรวมเงินบริจาค วัตถุมงคล วัตถุโบราณ และทรัพย์สินของวัดหลวงพ่อเงินบางคลานว่า นับตั้งแต่พระครูพิสุทธิวรากร รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม เข้ามารับหน้าที่ ว่า จากการดำเนินการเป็นไปตามรายงานกระบวนการพิจารณาศาลยุติธรรมจังหวัดพิจิตร ว่าให้ฝ่ายอดีตเจ้าอาวาสและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต้องส่งมอบบัญชีเงินฝาก เงินสด วัตถุมงคล และอื่นๆให้รักษาการเจ้าอาวาสดำเนินการต่อไป ซึ่งขณะนี้ได้มีการรวบรวมจนทราบแล้วว่ามีเงินของวัดหิรัญญารามหรือวัดหลวงพ่อเงินบางคลานฝากอยู่ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด ( มหาชน ) เป็นบัญชีออมทรัพย์จำนวน 4 บัญชี รวมเป็นเงิน 9,980,680.28 บาท , บัญชีเงินฝากประจำจำนวน 4 บัญชี รวมเป็นเงิน 29,425,768.44 บาท รวม 8 บัญชี เป็นเงิน 39,406,448.72 บาท เมื่อนำสมุดไปปรับบัญชีพบว่าทั้ง 8 บัญชีได้ดอกเบี้ยเข้ามาอีก 223,041.14 บาท จากนั้นเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2561 ก็ได้เปิดตู้บริจาคที่อยู่ภายในวัดตรวจนับได้เงิน 6,189,703 บาท และยังได้ขอรับเงินพันธบัตรของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่อดีตเจ้าอาวาสไปซื้อเอาไว้เป็นเงิน 16 ล้านบาท ดังนั้นโดยสรุปจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ , บัญชีเงินฝากประจำ , ดอกเบี้ยที่ได้จาก 8 บัญชี , เงินจากตู้บริจาค , เงินจากพันธบัตรรัฐบาล ทั้ง 5 รายการรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 61,819,192.86 บาท ( หกสิบเอ็ดล้านแปดแสนหนึ่งหมื่นเก้าพันหนึ่งร้อยเก้าสิบสองบาทแปดสิบหกสตางค์ ) นายกิจชัย บุญปู่ ทนายความ ซึ่งเป็นที่ปรึกษากฎหมายของ พระครูพิสุทธิวรากร รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า นอกจากนี้ก็ได้ตรวจสอบเงินของวัดที่ฝากไว้กับธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด ( มหาชน ) สาขาบางมูลนาก ก็ยังพบว่ามีเงินของวัดบางคลานมีอยู่อีก 10 บัญชี เป็นเงิน 42,674,772 บาท อีกทั้งพบการซื้อหุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด ( มหาชน ) เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2555 เป็นวงเงิน 7.1 ล้านบาท ซึ่งใบหุ้นฉบับนี้จะครบกำหนดที่จะได้รับเงินคืนปี พ.ศ.2565 ส่วนเรื่องการตรวจนับวัตถุโบราณและวัตถุมงคลก็ได้พบงาช้าง 16 กิ่ง พระบูชาหลวงพ่อเงินมีพัดขนาด 9 นิ้ว 275 องค์ พระเครื่องชุดต่างๆจำนวนเกือบ 1 หมื่นชิ้น ซึ่งทั้งหมด โดยสรุปรวมแล้วเป็นทั้งเงินสดและทรัพย์สินมูลค่านับร้อยล้านบาท แต่ยังพบอีกว่าอดีตเจ้าอาวาส ได้นำเงินไปซื้อประกันชีวิตเมื่อปี 2557 ซึ่งถือว่าเงินดังกล่าวเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งที่ต้องจ่ายเบี้ยประกันปีละ 1 ล้านบาท เป็นเวลา 5 ปี ซึ่งจ่ายเงินไปแล้วเฉพาะปี 2557-2559 เป็นเงิน 3 ล้านบาท แต่ในกรมธรรม์ได้แสดงเจตนาว่าผู้รับผลประโยชน์คือวัดหิรัญญารามหรือวัดหลวงพ่อเงินบางคลานอีกด้วย นายกิจชัย บุญปู่ ทนายความ ซึ่งเป็นที่ปรึกษากฎหมายของ พระครูพิสุทธิวรากร รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม กล่าวเพิ่มเติมว่ายังมีตู้เซฟอีกประมาณ 3 หลัง และบัญชีเงินฝากอีกหลายรายการที่มีข้อตกลงตามกระบวนการพิจารณาของศาล แต่ยังไม่ได้ส่งมอบกุญแจตู้เซฟ รหัสเปิดตู้เซฟ บัญชีเงินฝาก ซึ่งต้องขอร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามข้อตกลงที่ทำกันไว้ที่ศาลยุติธรรมจังหวัดพิจิตร โดยสรุป นายกิจชัย กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวข้างต้นนี้ก็มิได้กล่าวหาว่าใครเป็นผู้ทุจริตแต่อย่างใด แต่ทำเพื่อสร้างความโปร่งใสให้สาธารณะชนได้รับรู้ต่อไป ซึ่งถ้าการตรวจนับวัตถุมงคลตรวจนับพระเครื่องพระบูชา หรือเงินสด เงินฝากในบัญชีต่างๆเสร็จแล้วก็จะได้รวบรวมบัญชีเงินฝากทุกประเภทที่มีอยู่กระจัดกระจายกันทำเป็นบัญชีเดียวเพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบ อีกทั้งเมื่อทุกอย่างสงบเรียบร้อยมหาเถรสมาคมและคณะสงฆ์พระระดับผู้บริหารก็จะได้เข้าสู่กระบวนการคัดสรรเจ้าอาวาสรูปใหม่ของวัดหิรัญญารามหรือวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ทั้งนี้เพื่อจะได้เข้ามาพัฒนาวัดหลวงพ่อเงินให้เจริญรุ่งเรืองเป็นที่นับถือศรัทธาของพุทธศาสนิกชนชาวไทยและให้เป็นที่ท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวและชาวไทยและชาวต่างประเทศต่อไป