ผอ.สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติประชุมถกปัญหาวัดหลวงพ่อเงินบางคลานชี้แจงไม่เคยเชิญ(สนช.)หรือมอบอำนาจให้กระทำการใดๆ
9 ต.ค. 2561 พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ , พระราชสิทธิเวที เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร , พระครูพิสุทธิรากร รักษาการเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม หรือ วัดหลวงพ่อเงินบางคลาน , นายวิทยา มากปาน รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร , พลตรีถนัดพล โกศัยเสวี ผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดพิจิตร พร้อมด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ประชุมร่วมกันที่ โรงเรียนหลวงพ่อเพชรวิทยา วัดท่าหลวง พระอารามหลวง อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาของวัดหิรัญญาราม หรือ วัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ที่มีปัญหายืดเยื้อมายาวนานกว่าครึ่งทศวรรษ คือตั้งแต่ ปี พ.ศ.2557 จนมาถึงทุกวันนี้ เหตุเกิดจากอดีตเจ้าอาวาสถูกปลดออกจากตำแหน่งแล้วไม่ยอมส่งมอบอำนาจหน้าที่และทรัพย์สินให้กับ รักษาการเจ้าอาวาส แถมยังมีกลุ่มบุคคลที่ไม่รู้ความจริงหรืออาจเป็นผู้สนับสนุนอดีตเจ้าอาวาสที่ถูกปลดออกจากตำแหน่งมาชุมนุมก่อม็อบสร้างความวุ่นวาย จนกระทั่งล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มี นายกิตติศักดิ์ รัตนะวราหะ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ( สนช.) เข้าร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุม โดยอ้างตนว่ามาเป็นกาวใจแต่กลับกลายเป็นว่าไปเลือกอยู่ข้างอดีตเจ้าอาวาสที่ถูกปลดจนถูกแจ้งความดำเนินคดีข้อหาบุกรุกตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาร่วมกับพวกรวมแล้ว 11 คน ล่าสุดวันนี้ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และผู้ที่เกี่ยวข้องได้ใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง ในการประชุมเพื่อหาแนวทางยุติปัญหาของวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้ มาเพื่อรับฟัง ข้อเท็จจริง จากทุกฝ่าย โดยรับฟังข้อมูลจากคณะสงฆ์ จากเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมือง จากฝ่ายทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองในพื้นที่ ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นภายในวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ที่เกิดจากอดีตเจ้าอาวาสที่ถูกปลดออกจากตำแหน่ง ไม่ยอมส่งมอบหน้าที่และทรัพย์สินภายในวัด ให้กับรักษาการเจ้าอาวาสที่ได้รับแต่งตั้งถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งในส่วนที่จะต้องดำเนินการนั้นได้มีมติว่า ควรจะทำ ให้เป็นไปตามกฎหมาย ก็คือ ใช้หลักความชอบธรรม ตามกฎหมาย จะไม่ใช้อำนาจโดยพละการ จึงอยากให้สังคมและชาวพุทธช่วยกันพิจารณาดูว่า อดีตเจ้าอาวาสที่ถูกปลดรวมถึงผู้สนับสนุน การที่ไม่ยอมรับในมติของมหาเถรสมาคมหรือมติของพระผู้ใหญ่รวมถึงคำพิพากษาต่างๆนั้นเป็นเรื่องผิดกฎหมายหรือไม่ ? ซึ่งคงต้องให้ฝ่ายตำรวจดูข้อกฎหมายในเรื่องนี้ อีกทั้งในส่วนของการที่ยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมไปยื่นขออนุญาตจากสถานีตำรวจภูธรอำเภอโพทะเลเพื่อชุมนุมอยู่ภายในวัดหลวงพ่อเงินบางคลานนั้น พ.ต.ท.พงศ์พร ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ให้ข้อมูลว่า...ผู้ที่ชุมนุมอยู่ภายในวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ก็ต้องพิจารณาต่อไปว่าการชุมนุมนั้นเป็นการขัดกับกฎหมายหรือกฎข้อบังคับหรือไม่ ? โดยได้ยกตัวอย่างว่าถ้ารักษาการเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลานที่ได้รับแต่งตั้งถูกต้องตามกฎหมาย ในฐานะเจ้าพนักงานที่คณะสงฆ์ได้มีคำสั่งให้เป็นผู้ดูแลภายในวัด ถ้า รักษาการเจ้าอาวางวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ไม่ได้อนุญาตหรือมีคำสั่งให้ ผู้ชุมนุม ออกจากวัด กลุ่มผู้ชุมนุมถ้าไม่ยอมออกจากวัดก็จะมีความผิดตามกฎหมาย ฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน ก็อาจจะต้องโดนข้อหาบุกรุก เพราะว่า รักษาการเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ก็คือผู้ที่มีหน้าที่ในการดูแลรักษาวัด หรือผู้ปกครองวัด ถ้าไม่ยินยอมผู้ชุมนุมก็ไม่สามารถกระทำได้ พ.ต.ท.พงศ์พร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ยังได้ตอบคำถามที่ว่าปัญหาของวัดหลวงพ่อเงินบางคลานที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ปี 2557 จนถึงวันนี้ เนื่องจากฝ่ายปกครองทหาร-ตำรวจ มองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของวัด ของพระ ที่มักจะมีคำพูดว่า “ชั่วช่างชีดีช่างสงฆ์” นั้น พ.ต.ท.พงศ์พร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ตอบว่า ปัญหานี้ ไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดว่า “ชั่วช่างชีดีช่างสงฆ์” อีกต่อไปแล้ว เพราะฝ่ายบ้านเมืองจะรอหรือนิ่งเฉยไม่ได้อีกแล้ว เพราะว่าปัญหาต่างๆจะเกิดขึ้นและลุกลามต่อไป ซึ่งคงต้องระดมสรรพกำลังทุกภาคส่วนให้มาช่วยกันสะสางปัญหา ส่วนระยะเวลาก็คงแล้วแต่เงื่อนไขที่จะต้องพบเจอและต้องดำเนินการไม่สามารถระบุเงื่อนเวลาของการแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าวได้ แต่จะเร่งทำทันทีและให้รวดเร็วที่สุด สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นมานั้น พ.ต.ท.พงศ์พร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า... สิ่งที่เกิดขึ้นมานั้นถ้า ผู้ที่เกี่ยวข้องทำตามพระธรรมวินัย ทั้งฆราวาสและบรรพชิต ปัญหาก็จะไม่เกิดขึ้นถึงขั้นนี้!! แต่สิ่งหนึ่งที่อยากฝากบอกก็คือ ว่า..อย่าเชื่อในสิ่งที่คนบอก ซึ่งเป็นหลักกาลามสูตร ขอให้เอาเรื่องดังกล่าวมาพิจารณาโดยไตร่ตรองให้ดี และสิ่งที่เกิดขึ้นรวมถึงการเข้าใจผิดในเรื่องต่างๆก็จะจบไป ขอให้พิจารณาไต่สวนหรือไตร่ตรองให้ถ่องแท้ก่อน ที่จะทำอะไรลงไป เพราะเรามีกฎหมายและพระธรรมวินัยคุ้มครองอยู่ ทำตามนั้นแล้วเรื่องทุกอย่างก็จะจบลงเอยด้วยดี ในส่วนของเรื่องที่มี นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ( สนช. ) เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยแสดงตนว่าเป็นตัวแทนของรัฐบาลและเป็นตัวแทนของสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นั้น พ.ต.ท.พงศ์พร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า....ตนเองเป็นผู้แทนสำนักพุทธในฐานะผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติไม่เคยรู้เรื่องไม่เคยมอบอำนาจให้ นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ( สนช. ) มากระทำการใดๆที่เกี่ยวข้องกับวัดหลวงพ่อเงินบางคลานแต่อย่างใด? แต่ในส่วนที่บอกว่าเป็นตัวแทนของรัฐบาล ก็ขอให้ไปถามรัฐบาลกันเอาเอง ไม่ขอแสดงความคิดเห็น แต่ก็ตั้งคำถาม ย้อนกลับมายังผู้สื่อข่าวว่า...แล้วผู้สื่อข่าวเคยได้ยินหรือได้ข้อมูลว่ารัฐบาลให้นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ( สนช. ) มาเป็นตัวแทนหรือเปล่าเล่าครับ!! ก็ขอให้พิจารณากันเอาเอง
