เจาะสนามการเลือกตั้งเมืองชาละวันย้อนอดีตมองอนาคตว่าที่ สส.พิจิตร เมื่อดาวค้างฟ้าเจอกับดาวรุ่งดวงใหม่

พิจิตรเมืองเล็กแต่น่ารักคนใหญ่เรื่องเยอะ การเมืองเริ่มเข้มข้นดุเดือด เมื่อเข้าสู่โหมดเดือนแห่งการหาเสียงและการชิงไหวชิงพริบ มองอดีต ทำนายอนาคต ซึ่งถ้าพูดถึงนักการเมืองที่ถูกยกให้เป็นพญาชาละวันของการเลือกตั้งที่ฟาดหัวฟาดหาง ชี้เป็น ชี้ตาย ให้ใครเป็นผู้แทนก็ต้องเป็นไปตามนั้น นั่นคือยุคในอดีตที่ต้องยกให้ 4 ท่าน คือ พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ หรือ “เสธฯหนั่น” ซึ่งเป็นคู่ฟัดคู่เหวี่ยงกับ พ.ต.ท.อดุลย์ บุญเสรฐ ที่มีบารมีคลุมพื้นที่ในเขต อ.ตะพานหิน อ.ทับคล้อ อ.บางมูลนาก อ.โพทะเล อ.ดงเจริญ อ.บึงนาราง แต่ถึงวันนี้ทั้ง 2 ท่าน ได้เสียชีวิตลง ดังนั้นดาวค้างฟ้าที่ยังเหลืออีก 2 ดวง ก็คือ นายไพฑูรย์ แก้วทอง และ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ซึ่งถือเป็นผู้มีบารมีคลุมพื้นที่ในเขต อ.เมือง อ.สากเหล็ก อ.วังทรายพูน อ.สามง่าม อ.วชิรบารมี อ.โพธิ์ประทับช้าง แต่ถึงวันนี้ทั้งคู่กลายเป็นผู้อาวุโสทางการเมือง ปล่อยให้ลูกชายและน้องชายสืบทอดเจตนารมณ์ทางการเมืองต่อ คราวนี้ก็ต้องเล็งไปที่ น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร ดาวฤกษ์ดาวรุ่งดวงใหม่ที่มีออร่าแสงสีแดงเปล่งประกายเป็นรัศมีที่ถือได้ว่าเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงและถูกจับตามองในพื้นที่จังหวัดพิจิตร ว่า อนาคตจะเป็นผู้ทรงอิทธิพลทางด้านความคิด และทางด้านการพัฒนา ที่ชาวจังหวัดพิจิตรกำลังฝากความหวังในเวทีการเมืองทั้งสนามใหญ่ สนามเล็ก คือระดับท้องถิ่นอีกด้วย เจาะสนามพิจิตรเขต 1 ซึ่งประกอบด้วย อ.เมืองพิจิตร มีหน่วยเลือกตั้ง 162 หน่วย , อ.สามง่าม มีหน่วยเลือกตั้ง 79หน่วย , อ.วชิรบารมี มีหน่วยเลือกตั้ง 53 หน่วย รวม 294 หน่วยเลือกตั้ง มีผู้สมัคร 27 คน ตัวเต็งที่ฟังจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของชาวบ้านและแกนนำที่เจาะลึกลงไปถึง กระสุน กระแส กระแซะ รวมถึงเครือข่ายก็คงยังต้องชี้ไปที่ นายวินัย ภัทรประสิทธิ์ พรรคไทยรักษาชาติ ว่าน่าจะมีแสงสีแดงเปล่งเป็นประกายดูเด่นเป็นสง่า ที่อยู่ใกล้เส้นชัยมากที่สุด ด้วยเหตุผลที่ว่าฐานเสียงจากลุ่มน้ำน่านสมัยที่ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ สร้างเอาไว้ บวกกับ ฐานเสียงจากลุ่มน้ำยมของ น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร สร้างเอาไว้ได้รวมกันเทมาให้ นายวินัย ภัทรประสิทธิ์ ในครั้งนี้ เพื่อต่อสู้กับคู่แข่ง แต่เมื่อมองดาวเด่นดวงอื่น ก็ใช่ว่าจะด้อยหรืออับแสง ซึ่งต้องจับตามองไปที่ นายอาวุธ เดชอุปการ พรรคประชาธิปัตย์ คนใกล้ชิดของ นายไพฑูรย์ – นายนราพัฒน์ แก้วทอง อดีตเคยเป็น สจ.พิจิตร และเป็นแกนนำของฝ่ายเรียกร้องประชาธิปไตย ที่เป็นนักต่อสู้เมื่อครั้งในอดีตที่มีคะแนนเสียงจากบารมีของสองพ่อลูก นายไพฑูรย์ – นายนราพัฒน์ แก้วทอง สร้างเอาไว้ในลุ่มน้ำพิจิตรอย่างเหนียวแน่นและมั่นคง มีสมาชิกพรรคและแฟนคลับประกาศตัวตนชัดเจนที่ไม่เปลี่ยนใจ ไม่เปลี่ยนแปลง ว่า คนเลือกพรรค พรรคเลือกคน ขอให้เป็นประชาธิปัตย์ใครก็ได้ลงคะแนนให้อยู่แล้ว ดังนั้นในครั้งนี้ นายอาวุธ เดชอุปการ ผู้สมัครประชาธิปัตย์เขต 1 มีคะแนนหลักหมื่นแน่นอน แต่จะถึงหลักชัยหรือไม่นั้นคงต้องรอดูบิ๊กเซอร์ไพรส์ 7 มีนาคม 2562 คราวนี้ส่องดูดาวเด่นอีกดวงหนึ่ง ก็คือ นายพรชัย อินทร์สุข พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นคนบ้านเกิดในพื้นที่ ต.คลองคะเชนทร์ อ.เมืองพิจิตร อดีตเป็นผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรเมืองพิจิตร รวมถึงยังเป็นครูบาอาจารย์ให้กับสถาบันทางการศึกษาแห่งหนึ่ง มาครั้งนี้ได้อยู่พรรคพลังประชารัฐซึ่งเป็นพรรคใหญ่ เรื่องกระสุนและกระแสและนโยบายของพรรคก็ไม่ได้แพ้ใคร จึงน่าเชื่อว่าเป็นผู้สมัครหลักหมื่น มิใช่หลักไม้เลื้อย หรือ ไม้หลักปักขี้เลน อย่างแน่นอน งานนี้จึงทำให้ทั้งคู่เดินเบียดชนบ่ากับคู่แข่งอย่าง นายวินัย ภัทรประสิทธิ์ พรรคไทยรักษาชาติ แบบชนิดเรียกว่าหายใจรดต้นคอกันมาเลย เช่นเดียวกับ นายอาดิษฐ์ กัลยาณมิตร พรรคภูมิใจไทย ก็ไม่ใช่ย่อยเช่นกันมีกองเชียร์ที่เป็นนักการเมืองท้องถิ่นระดับจังหวัดที่ออกหน้าออกตามาหนุนอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู ดูแล้วน่าจะมีราศีเป็นผู้แทนได้ไม่ยากนัก แต่ต้องมีหัวหมู่ทะลวงฟันตีฝ่าด่าน วินัย , อาวุธ , พรชัย ไปให้ได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องจะกินหมูได้ง่ายๆ แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องยาก สรุปเขตเลือกตั้งที่ 1 นายวินัย ภัทรประสิทธิ์ พรรคไทยรักษาชาติ คาดการณ์ได้เลยว่า น่าจะเป็นผู้ที่เข้าถึงเส้นชัยในการเลือกตั้งครั้งนี้ได้ตามที่กระแสวิพากษ์วิจารณ์ เว้นแต่หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง ก็คงต้องวิเคราะห์พิจารณาสืบชะตาไปที่ดาวเด่นดวงใหม่ทั้ง 3 ดวง ที่ว่า ใครจะมีทีเด็ดในยก 5 หรือ คืนหมาหอน ได้ดีกว่ากัน เจาะสนามพิจิตรเขต 2 ซึ่งประกอบไปด้วย อ.ตะพานหิน มีหน่วยเลือกตั้ง 106 หน่วย , อ.ทับคล้อ มีหน่วยเลือกตั้ง 72 หน่วย , อ.ดงเจริญ มีหน่วยเลือกตั้ง 56 หน่วย , อ.วังทรายพูน มีหน่วยเลือกตั้ง 58 หน่วย , อ.สากเหล็ก มีหน่วยเลือกตั้ง 47 หน่วย มีผู้สมัคร 30 คน พื้นที่นี้ต้องบอกเลยว่าปัจจุบันถูกผ่าแบ่งเขตแบบใหม่จึงไม่ใช่ Red Zone หรือ Yellow Zone ดาวเด่นดวงแรกที่โคจรใกล้หลักชัยมากที่สุดก็คงต้องจับตามองไปที่ นายปุณยวัจน์ เหลืองวิจิตร “สจ.รถ” พรรคไทยรักษาชาติ มีดีกรีเป็นอดีต สจ.พิจิตร และเป็นน้องชายของ น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร รองหัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ จุดแข็งก็คือมีมวลชนและกองเชียร์ที่เป็นฐานเสียงเดิม ของฝ่ายที่ชูประชาธิปไตยและกลุ่มเกษตรกรที่ชื่นชอบราคาข้าวแพง ให้การสนับสนุน รวมถึงมีนักการเมืองท้องถิ่นแห่มาอยู่ค่ายเดียวกันเพียบ จึงทำให้มีความแข็งแกร่งไม่น่าจะแพ้ใคร ส่วนที่ดาวที่มีแสงระยิบระยับดูเด่นอีกดวงหนึ่ง ก็คือ นางณริยา บุญเสรฐ พรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งเป็นภรรยาของ นายนาวิน บุญเสรฐ อดีต สส. ของพรรคเพื่อไทย ลูกชายของ พ.ต.ท.อดุลย์ บุญเสรฐ อดีต สส.หลายสมัยคู่ฟัดคู่เหวี่ยงกับ พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ ที่รุ่นพ่อก็เคยแข่งกัน รุ่นลูก คือ นายนาวิน “คุณไก่” ก็เคยแข่งกับ นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ หรือ “ลูกยอด” เดิมทีเดียวเขตนี้ นายนาวิน ตั้งใจจะลงเอง แต่เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองเสียก่อน จึงส่งภรรยาสุดที่รักให้ออกมารบทัพจับศึกสวมเสื้อพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งเป็นพรรคใหม่ที่เข้ามามีบทบาทในจังหวัดพิจิตร ก็ช่วงนี้นี่เอง ดังนั้นคงต้องเหนื่อยหน่อย แต่ก็เชื่อมั่นว่า เอฟซี Fan Club ของ พ.ต.ท.อดุลย์ และ นายนาวิน บุญเสรฐ น่าจะยังคงเหนียวแน่นเทคะแนนให้ ส่วนคู่แข่งที่น่าจะเป็นม้ามืดตอนนี้ก็ต้องจับตา นายภูดิท อินสุวรรณ์ พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งก็เคยเป็นอดีต สจ.พิจิตร แต่ครั้งล่าสุดผิดหวังจาก สจ. มาคราวนี้โดดขึ้นเวทีใหญ่เป็นผู้สมัคร สส. ที่ได้อยู่พรรคใหญ่ทุนหนา บารมีสูงส่ง จึงทำให้น่าจะมีคะแนนเกาะกลุ่ม สส.หลักหมื่น เช่นเดียวกับ นายบุญชอบ สากูต พรรคประชาธิปัตย์ ที่ เอฟซี Fan Club ยอมรับว่าใครก็ได้ขอให้เป็นพรรคประชาธิปัตย์ก็จะเทคะแนนให้ โดยสรุปพื้นที่เลือกตั้งพิจิตรเขต 2 ดาวเด่นที่โคจรใกล้หลักชัยมากที่สุดก็คงต้องจับตามองไปที่ นายปุณยวัจน์ เหลืองวิจิตร หรือ “สจ.รถ” พรรคไทยรักษาชาติ ตามเกาะติดไปด้วย นางณริยา บุญเสรฐ พรรคชาติไทยพัฒนา , นายภูดิท อินสุวรรณ์ พรรคพลังประชารัฐ ,นายบุญชอบ สากูต พรรคประชาธิปัตย์ เจาะสนามพิจิตรเขต 3 จัดได้ว่าเป็นพื้นที่กระสุนตก ที่น่าจะแข่งขันกันดุเดือดที่สุด เพราะเป็นความหวังเดียวของพรรคพลังประชารัฐและพรรคภูมิใจไทย พื้นที่ประกอบด้วย อ.โพทะเล มีหน่วยเลือกตั้ง 102 หน่วย , อ.บางมูลนาก มีหน่วยเลือกตั้ง 91 หน่วย , อ.บึงนาราง มีหน่วยเลือกตั้ง 51 หน่วย , อ.โพธิ์ประทับช้าง มีหน่วยเลือกตั้ง 99 หน่วย รวม 343 หน่วย มีผู้สมัครทั้งสิ้น 28 คน ในพื้นที่กระสุนตกแห่งนี้ขอส่องดูดวงดาวเด่น 4 ดวง ด้วยกัน คือ ดาวเด่นดวงแรก ต้องขอจับตามองไปที่ นายสุรชาติ ศรีบุศกร “สจ.ไก่” พรรคพลังประชารัฐ ดาวเด่นดวงที่ 2 นายวิชัย ด่านรุ่งโรจน์ พรรคภูมิใจไทย , ดาวเด่นดวงที่ 3 นางมิ่งขวัญ พุกเปี่ยม “เจ๊หนิง” ดาวเด่นดวงที่ 4 นายณรงค์ จักขุจันทร์ พรรคประชาธิปัตย์ คราวนี้มาเจาะดูดวงดาวเด่นแบบรายตัวกันว่า ใครมีจุดแข็งจุดอ่อนอย่างไร ไปกันที่ นายสุรชาติ ศรีบุศกร “สจ.ไก่” พรรคพลังประชารัฐ เป็นคนในพื้นที่มีพี่-น้อง และวงศ์ตระกูลที่ล้วนเป็นช่างปั้น ปั้นคนเป็นนักการเมืองมาแล้วหลายยุคหลายสมัย แต่ด้วยแรงกดดันและถูกรังแกจึงหันหัวสู้จากช่างปั้นขอเป็นนักรบ โดยมีเครือข่ายญาติพี่น้องและนักการเมืองท้องถิ่นที่อยู่ในพื้นที่ตัวจริง เป็นหัวหมู่ทะลวงฟันที่คราวนี้ได้กระสุนและศาสตราวุธ รวมถึงเสื้อเกราะลายพราง ในนามของ พรรคพลังประชารัฐ ดังนั้นไม่ขออธิบายมาก หมอดูการเมืองขอชี้ดวงชะตาดาวเด่นดวงนี้ให้เลยว่า มีดวงโคจรใกล้เส้นชัย มีออร่า ส่องประกายแสงสีน้ำเงิน มีสิทธิ์เข้าเส้นชัยตามความคาดหวัง แต่ก็ยังชะล่าใจไม่ได้เพราะดวงยังมีดาวอีก 3 ดวง ที่มุ่งโคจรมาในทิศทางเดียวกัน ดาวดวงใหญ่ชื่อ นายวิชัย ด่านรุ่งโรจน์ พรรคภูมิใจไทย ก็ใช่ย่อยซะที่ไหน มีดีกรีโดดเด่นในพื้นที่เป็นถึง อดีต สจ.พิจิตร , อดีต สว. และ อดีต รอง นายกอบจ.พิจิตร ที่ทุกวันนี้ก็ยังได้แรงหนุนแถมยังมีดาวเด่นอย่าง นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ “ลูกยอด” ซึ่งเป็นผู้สมัคร สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ลำดับที่ 10 ลูกชายเสธฯหนั่น ออกมาช่วยเดินหาเสียงถึงแม้จะไม่ป๊อปปูล่า เหตุเพราะว่าหลังจากที่ เสธฯหนั่น เสียชีวิตบรรดาดาวบริวารก็แตกกระสานซ่านเซ็น แต่ก็อย่าดูถูกอย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ดาวอิสตรีที่มีแสงสีแดงส่องประกายเด่นจนแสบตาน่าจับตามอง ก็คือ นางมิ่งขวัญ พุกเปี่ยม “เจ๊หนิง” ประธานชมรมโรงสีข้าวจังหวัดพิจิตร พรรคไทยรักษาชาติ ที่มีจุดแข็งชูนโยบายช่วยเหลือเกษตรกร โดยเฉพาะเรื่องราคาข้าวเปลือกที่เคยทำมาแล้วและทำได้จริงไม่ได้โม้ ซึ่งตอนนี้ขยันออกเดินหาเสียงเจาะคะแนนไปหลายกระบุงโกย ส่วนเรื่องของความพร้อมคะแนนนิยมของพรรค กระสุน กระแส กระแซะ ไม่แพ้ใคร ดังนั้นถ้า 7 มีนาคม 2562 หมดทุกข์หมดโศก รอดพ้นอุบัติเหตุทางการเมืองไปได้ ดาวเด่นหรือดาวดวงใหญ่คงต้องหลีกทางให้ดาวอิสตรีที่มีแสงสีแดงดวงนี้โคจรแซงหน้าเข้าเส้นชัยไปอย่างฉิวเฉียดแน่นอน ส่วนดาวแสงสีเหลือง อย่างเช่น นายณรงค์ จักขุจันทร์ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งอดีตเป็นกำนันตำบลทุ่งใหญ่ ก็คงเป็นดาวประดับท้องฟ้าที่ส่องแสงระยิบระยับเท่านั้น โดยสรุปดวงดาวเด่นของพิจิตรเขต 3 ดาวเด่นใกล้เส้นชัยคงต้องชี้ไปที่ นายสุรชาติ ศรีบุศกร “สจ.ไก่” พรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นความหวังเดียวของพรรคพลังประชารัฐ ว่า จะเป็นผู้ที่คว้าชัยชนะ แต่จะต้องใช้สรรพกำลังป้องกันไม่ให้กระสุนตกใส่หลังคาบ้าน รวมถึงคืนหมาหอนต้องนอนตาหลับ เมื่อเพ่งพินิจพิจารณาส่องดูดวงดาวชาละวันทั้ง 3 เขต วันนี้ได้แค่คาดการณ์เหตุผลเพราะต้องรอดูวันที่ 7 มีนาคม 2562 ถ้าพรรคไทยรักษาชาติไม่เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง ผลก็น่าจะออกมาดังคำวิเคราะห์คาดเดาข้างต้น พิจิตรเขต 1 นายวินัย ภัทรประสิทธิ์ พรรคไทยรักษาชาติ พิจิตรเขต 2 นายปุณยวัจน์ เหลืองวิจิตร หรือ “สจ.รถ” พรรคไทยรักษาชาติ พิจิตรเขต 3 นายสุรชาติ ศรีบุศกร “สจ.ไก่” พรรคพลังประชารัฐ แต่ถ้า วันที่ 7 มีนาคม 2562 พรรคไทยรักษาชาติเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองก็คงต้องติดตามและวิเคราะห์เจาะลึกกันใหม่ว่า เอฟซี Fan Club พรรคไทยรักษาชาติ แห่งเมืองชาละวันจะแลนด์สไลด์แล้วเทคะแนนให้กับพรรคใด คนใด ?? ที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองเดียวกัน

การเมือง

  • nppct
  • 19 ธ.ค. 2566
  • 127

พิพัฒน์ รมว.แรงงาน บุกเมืองชาละวันเสวนาประกันสังคมมาตรา40ชี้ข้อดีทำไว้ได้พึ่งชัวร์

วันที่ 18 ธันวาคม 2566 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมคณะจากกระทรวงแรงงานได้เดินทางมาเป็นประธานเปิดงานการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ประกันสังคม มาตรา40 สู่เครือข่ายประกันสังคมรุ่นท

อ่านต่อ...
พิจิตรชาวบ้านร้องทุกข์วอนกรมเจ้าท่ายกเว้นภาษีสะพานและศาลาท่าน้ำหน้าวัด (28 ก.ย. 2563) สส.พปชร.พิจิตรเปิดถนนหมู่บ้านยืนยันเสถียรภาพรัฐบาลลุงตู่แน่นปึ้ก (27 ก.ย. 2563) สส.พิจิตรรับอาสาช่วยชาวบ้านเขาทรายร้องทุกข์ขอใช้ที่ดินราชพัสดุขุดสระแก้ท่วมช่วยภัยแล้งแต่ไม่คืบหน้า (26 ก.ย. 2563) สส.พิจิตรลงพื้นที่รับเรื่องร้องทุกข์ชาวนาประสบภัยแล้งวอนขอฝนหลวงช่วยนาข้าวก่อนแห้งตาย (9 ก.ย. 2563) จุรินทร์รองนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่พิจิตรตรวจราชการรับเรื่องร้องทุกข์สารพัดปัญหาของเกษตรกรสั่งเร่งช่วยแก้ (30 ส.ค. 2563) ชาวบ้านรอบบึงสีไฟร้องทุกข์ที่ดินปลูกสร้างบ้านอยู่อาศัยมาหลายสิบปีไม่มีเอกสารสิทธิ์ (23 ส.ค. 2563) กมธ.คมนาคมจัดสัมนาแจงภายใน7ปีมีงบประมาณ4,980ล้านลงพื้นที่พัฒนาเมืองชาละวัน (4 ส.ค. 2563) กมธ.คมนาคม-การศึกษาเลือกพิจิตรพื้นที่ปลอดโควิดจัดอบรมเพิ่มความรู้กระตุ้นเศรษฐกิจ (2 ส.ค. 2563) กมธ.บริหารจัดการลุ่มน้ำลงพื้นที่หาแนวทางหนุนสร้างประตูน้ำในแม่น้ำน่านพิจิตร (19 ก.ค. 2563) ชี้ช่องรวยกมธ.แก้ไขปัญหาราคาผลผลิตเกษตรจัดติวเข้มชาวนาพิจิตรลดต้นทุนเพิ่มรายได้ (18 ก.ค. 2563)