เกาะกระแส สส.ในดวงใจคนเมืองชาละวันจะเลือกใครเป็นผู้แทน
เข้าโค้งสุดท้ายก่อนเข้าสู่คูหาเลือกตั้งแอบฟังเสียงกระซิบคนเมืองชาละวันจะถูกใจเลือกใครเป็นผู้แทนพินิจวิเคราะห์จาก กระแส กระสุน กระแซะ ชอบของแจก ชอบของจริง จะเลือกคนที่รัก หรือเลือกพรรคที่ชอบ ล่าสุดวันนี้แว่ว พรรคพลังประชารัฐ จ่อ ใกล้เส้นชัยมีสิทธิ 2 ที่นั่ง ส่วนประชาธิปัตย์ เขต 1 ยังคงมาแรง รอฟังเสียงคืนหมาหอน อาจพลิกล็อค เหลืออีกไม่กี่วันก็จะถึงวันที่ 24 มีนาคม 2562 ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งลงคะแนนเพื่อชี้อนาคตประเทศไทย ถามใจคุณดูหรือยังว่าจะเลือกใครเป็นผู้แทนราษฎรและเป็นนายกรัฐมนตรี กระแสที่เห็นตามสื่อออนไลน์กับเสียงกระซิบจากท้องไร่ท้องนาและกลุ่มผู้ใช้แรงงานบางแห่ง บางพื้นที่ ดูเหมือนจะสวนทางกับความเป็นจริง...แอบไปฟังเสียงคนพิจิตรเมืองชาละวันที่แบ่งการเลือกตั้งออกเป็น 3 เขต ประชากรผู้มีสิทธิเลือกตั้งประมาณ 5 แสนคน ดังนั้นวันนี้ขอวิเคราะห์เจาะสนามไปในพื้นที่พิจิตรเขต 3 ซึ่งประกอบไปด้วย อ.โพทะเล , อ.บางมูลนาก , อ.บึงนาราง, อ.โพธิ์ประทับช้าง ผู้สมัครคู่แข่งที่เป็นคนสำคัญและดูเหมือนจะเป็นศึกช้างชนช้างก็คงต้องยกให้ นายสุรชาติ ศรีบุศกร “สจ.ไก่” พรรคพลังประชารัฐ อดีตประธานสภา อบจ.พิจิตร เป็นคนในพื้นที่ มีผลงานและมีเครือข่าย รวมถึงมีญาติพี่น้องเป็นนักการเมืองท้องถิ่นที่มีคะแนนเป็นทุนสำรองในศึกการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งโพลทุกสำนัก กระแสจากสภากาแฟ ต่างวิเคราะห์ให้เต็งจ๋ามาแรง ส่วนคู่แข่ง คือ นายวิชัย ด่านรุ่งโรจน์ พรรคภูมิใจไทย ก็ไม่ใช่ย่อยหาเสียงไล่บี้แบบลมหายใจรดต้นคอของคู่แข่ง นอกจากนี้ก็มีตัวตัด ตัวเบียดคะแนนจาก นายณรงค์ จักขุจันทร์ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งก็มีคะแนนแฟนคลับอยู่มิใช่น้อย อีกทั้งกระแสสื่อโซเชียลของคนรุ่นใหม่ก็ไหลเทไปให้ นางพัชรี ขอจิตต์ พรรคอนาคตใหม่ แต่เมื่อวันนี้พิจิตรเขต 3 ไม่มี พรรค ทษช. กลายเป็นว่า พ.อ.มนูญ ชูจิตร พรรคเสรีรวมไทย ก็มาขอแบ่งคะแนนจากฝ่ายรักประชาธิปไตย ดังนั้นถึงวันนี้กระแสของ “สจ.ไก่” พรรคพลังประชารัฐ ก็ยังติดดาวเข้าเส้นชัย แต่สุดท้ายต่อให้พลทหารเก่ง แม่ทัพกล้า แต่ไร้ซึ่งอาวุธและคลังเสบียง ก็อาจต้องพ่าย กระแส และ กระสุน ของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งคงต้องจับตามองว่า ก่อนวันเผด็จศึกทัพหลวงจะส่ง กระสุน และ เสบียงคลัง มาช่วยทัพหน้าได้มากน้อยเพียงใด ส่วนพื้นที่การเลือกตั้งพิจิตรเขต 2 ซึ่งประกอบด้วย อ.ตะพานหิน , อ.ทับคล้อ , อ.ดงเจริญ , อ.วังทรายพูน , อ.สากเหล็ก เดิมทีเดียวพื้นที่ดังกล่าวเป็น Red Zone ที่มี ทษช. จ่อเป็นแชมป์ แต่พอถึงวันนี้ ทษช. ถูกยุบพรรค ทำให้คะแนนที่กักตุนเอาไว้กลายเป็นกระถังน้ำรั่ว ส่วนจะไหลไปทิศทางใดนั้นเราก็แอบไปสืบได้ยินมาว่า คะแนนชุดแรก หลายคนยังรักและชื่นชอบ นายภูดิท อินสุวรรณ์ พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งอดีตเป็น สจ. เขตอำเภอทับคล้อ ก็มีคะแนนอยู่ในมือและมีพรรคมีพวก ซึ่งตอนนี้กลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อนก็วิเคราะห์แล้วว่า ถ้าให้เพื่อนได้เป็นผู้แทนราษฎรก็คงได้เป็น สส. อยู่ในซีกรัฐบาล ก็คงได้เป็นที่พึ่งพาของชาวบ้านและญาติมิตร ดังนั้นจึงทำให้ช่วงนี้มีกระแสช่วยกันหาม ช่วยกันแห่ เพื่อจะผลักดันให้เข้าสภา จึงถือว่าน่าจะเต็งจ๋าแต่ไม่ใช่ม้ามืด เพราะในอดีตที่ผ่านมา อดีต สส.นาวิน บุญเสรฐ สามีของ นางณริยา บุญเสรฐ พรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งก็เป็นหนึ่งในผู้กว้างขวางและทำผลงานเอาไว้เยอะจึงกลายเป็นคู่แข่ง คู่เบียด กับผู้สมัครของ พรรคพลังประชารัฐ แต่อีก 1 คน ที่จะมองข้ามไม่ได้ ก็คือ นายไพโรจน์ เนตรแสง พรรคภูมิใจไทย ถึงแม้ตัวผู้สมัครอาจไม่โดดเด่น แต่มีพี่เลี้ยงดี ซึ่งก็คงเป็นอีกผู้หนึ่งที่แย่งชิงคะแนนกัน รวมถึงเมื่อไม่มี ทษช. นายชนกฤติ โหมอ่อน พรรคเสรีรวมไทย ก็โผล่ออกมาช้อนคะแนนของ ทษช. ไปด้วยเช่นเดียวกัน ส่วนแหล่งคะแนนที่ อ.สากเหล็ก ซึ่งเป็น Safety Zone ผู้นำและชาวบ้านเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เฮไหน เฮนั่น เป็นทิศทางเดียวกัน 5,000-7,000 คะแนน ประกาศชัดเจนใครมาซื้อเสียงในเขตนี้เป็นต้องถูกล่อซื้อส่งเรื่องถึง กกต.ทุกราย ผู้มีบารมีเจ้าถิ่นก็ยังไม่เทคะแนนให้ใคร ดังนั้นถึงวันนี้ นายภูดิท อินสุวรรณ์ พรรคพลังประชารัฐ ที่มีกระแสเต็งจ๋ามานำก็ยังต้องกังวลและมีความเสี่ยงอยู่เช่นกัน เขตเลือกตั้งพิจิตรเขต 1 ซึ่งประกอบด้วย อ.เมืองพิจิตร , อ.สามง่าม , อ.วชิรบารมี คอการเมืองและโพลจากสภากาแฟ ยังคงเสียดายผู้สมัครของ ทษช. ถ้ายังอยู่โกยคะแนนเต็มหีบบัตรแน่ แต่วันนี้พอพรรคถูกยุบ คะแนนของ ทษช. จึงยังคงอยู่กับฝ่ายรักประชาธิปไตย และมีบางส่วนแตกกระสานซ่านเซ็นไปอยู่ตรงไหนบ้าง? ขอวิเคราะห์พอสังเขป ว่า... ชาวจังหวัดพิจิตรยังคงจำชื่อ นายไพฑูรย์ – นายนราพัฒน์ แก้วทอง ซึ่งเป็น สส.ขวัญใจชาวบ้านมาหลายยุค หลายสมัย พอถึงวันนี้พิจิตรเขต 1 ส่ง นายอาวุธ เดชอุปการ ลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นคาดการณ์ฟันธง ว่า ถ้าไม่ถูกกระสุน ของฝ่ายตรงข้ามมาเจาะกระแสรับรองได้ว่า เข้าเส้นชัยแน่นอน ส่วนผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐคือ นายพรชัย อินทร์สุข ก็ใช่ย่อยซะที่ไหน เดินหาเสียงแบบมวยครบเครื่องที่พร้อมจะเร่งเครื่องใส่คะแนนพร้อมแซงประชาธิปัตย์ได้ทุกเมื่อ ในส่วนของ นายศุภสิทธิ์ ศิริเศรษฐ์ พรรคอนาคตใหม่ กลายเป็นขวัญใจคนรุ่นใหม่และผู้ที่จะใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งแรก ก็น่าจะมีคะแนนใกล้หลักหมื่นแต่คงไม่ถึงหลักชัย หรือ มีชัยชนะ เช่นเดียวกับ นายจักรพงศ์ บุปผา พรรคเสรีรวมไทย ที่มีคะแนนไหลมาจากฝ่ายประชาธิปไตย ส่งต่อแบ่งมาให้ ดังนั้นโดยสรุปในวันนี้ ที่มีแต่กระแส แต่ยังไม่มีกระสุน หรือเข้าสู่คืนหมาหอนก็คงต้องวิเคราะห์ไปตามหลักการว่า เขต 3 นายสุรชาติ ศรีบุศกร “สจ.ไก่” พรรคพลังประชารัฐ เขต 2 นายภูดิท อินสุวรรณ์ พรรคพลังประชารัฐ เขต 1 นายอาวุธ เดชอุปการ พรรคประชาธิปัตย์ น่าจะเป็นผู้เข้าสู่เส้นชัยแต่สุดท้ายทุกอย่างพลิกล็อคได้แบบที่หลายคนอาจไม่คาดคิด เนื่องจากขณะนี้คนที่เป็นตัวเต็งของในแต่ละพรรคก็ชะเง้อคอรอคอยว่าทัพหลวงจะส่งกำลังพล หรือส่งเสบียงคลัง มาช่วยมากน้อยแค่ไหน แต่ถ้าปล่อยลอยแพเพราะฟังกระแส สุดท้ายคงมีเฮเห็นคนแปลกหน้าเข้าสู่สภาแน่....