พิจิตรคนร้ายเข้าโจรกรรมขโมยตัดประตูพระอุโบสถวัดนครชุมโบราณสถานอายุราว800ปีคาดเป็นพวกเล่นของ
วันที่ 28 เม.ย. 2563 พระครูพิทูรนคราภิรักษ์ เจ้าอาวาสวัดนครชุม หมู่ 8 ตำบลเมืองเก่าอำเภอเมืองจังหวัดพิจิตร โทรศัพท์แจ้งความไปยังศูนย์วิทยุตำรวจ 191 สภ.เมืองพิจิตร แจ้งว่ามีคนร้ายแอบเข้ามาโจรกรรมที่วัด จากนั้นตำรวจได้เข้าตรวจดูที่เกิดเหตุของพระอุโบสถวัดนครชุม ซึ่งเป็นโบราณสถานวัดเก่าแก่ อายุราว 800 ปี ที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงสุโขทัย หรือกรุงศรีอยุธยา แต่พระอุโบสถน่าจะเป็นศิลปสมัยกรุงศรีอยุธยา พระอุโบสถหลังดังกล่าวนี้สร้างด้วยอิฐฉาบปูนเครื่องบนเป็นไม้ โดยใช้สลักไม้แทนตะปูมีช่องระบายลมแทนหน้าต่างเรียกว่าเป็นพะอุโบสถมหาอุต อดีตพระอุโบสถแห่งนี้คือที่ประดิษฐานหลวงพ่อเพชรพระศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองชาวพิจิตร ที่ปัจจุบันประดิษฐานอยู่วัดท่าหลวง พระอารามหลวง โดยพระอุโบสถแห่งนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของกรมศิลปากรแล้วด้วย จึงนับได้ว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มากมาย อีกทั้งปัจจุบันก็ยังใช้ประกอบพิธีการต่างๆของทางวัดอีกด้วย พระครูพิทูรนคราภิรักษ์ เจ้าอาวาสวัดนครชุม เล่าถึงเหตุที่ต้องแจ้งความว่า ที่บริเวณประตูของพระอุโบสถ ซึ่งอยู่ทางด้านทิศเหนือเป็นประตูไม้สักที่อยู่คู่กับพระอุโบสถหลังนี้มาตั้งแต่เริ่มสร้าง ได้ถูกคนร้ายตัดเอาไม้ที่เรียกว่า “อกเลา หรือ บังใบประตู” ไป ความเสียหาย คือ ขอบประตูไม้สักของพระอุโบสถหายไปประมาณ 4 ตารางนิ้ว ประเมินเป็นมูลค่ามิได้ เนื่องจากอาคารและวัตถุต่างๆของพระอุโบสถนี้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของกรมศิลปกร อีกทั้งพระอุโบสถแห่งนี้มีตำนานว่าเป็นที่อุปสมบทเป็นพระอุโบสถที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) อดีตสมเด็จพระสังฆราช ในยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ได้ใช้พระอุโบสถแห่งนี้เป็นที่บรรพชาเป็นสามเณร ศึกษาเรียนรู้พระธรรมวินัย จึงทำให้พระอุโบสถแห่งนี้มีมนต์ขลังด้านพุทธคุณ จึงทำให้เป็นที่หมายปองของคนร้ายแอบเข้ามา ตัดเอาไม้ที่เรียกว่า “อกเลา หรือ บังใบประตู” ไป ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นพวกนักเลงพระ หรือพวกที่ชอบเล่นของไสยศาสตร์ ที่เป็นขโมยเข้ามาเอาไปจึงได้แจ้งความไว้เพื่อติดตามคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีต่อไป